SF :: ในวันที่เราต้องห่างไกลกัน TonoRitz*68 - SF :: ในวันที่เราต้องห่างไกลกัน TonoRitz*68 นิยาย SF :: ในวันที่เราต้องห่างไกลกัน TonoRitz*68 : Dek-D.com - Writer

    SF :: ในวันที่เราต้องห่างไกลกัน TonoRitz*68

    ผู้เข้าชมรวม

    882

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    882

    ความคิดเห็น


    19

    คนติดตาม


    4
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.ค. 54 / 21:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องนี้เศร้ามั้ย ?! ไม่แน่ใจอะคะ แหะแหะ 
    ลองอ่านกันดูนะคะ  ^_________^


    *ฟิดเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการนะคะ  ไม่ใช่เรื่องจริงประการใด
    หากมีอะไรไม่เหมาะสม ยังแจ้งได้นะคะ  จะได้แก้ไข  ขอบคุณมากคะ ^^

    *ฝากเม้นท์ติชมกันได้นะคะ คนบรรทัด สองบรรทัด ก็ได้คะ  เป็นกำลังใจที่ดีเลยเชียว ^______^
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      SF :: ในวันที่เราต้องห่างไกลกัน TonoRitz*68

      By .... หมาน้อย

      21/5/2554

       

      ตกลงริทกลับไปเรียนที่ขอนแก่น ? ?? ”

       

      ใช่  ก็คุยกับทางผู้ใหญ่หลายฝ่ายแล้วพี่โน่ ท่านให้โอกาสริท ห่วงริทมากแบบนี้  ริทตัดสินใจแล้ว  ริทจะกลับเรียนกับท่าน

       

      เมื่อไหร ? ?? ” 

       

        สิ้นเดือนนี้ ”  

       

      สื้นเดือนนี้  สิ้นเดือนนี้ !!!!! 

       

      กล่องใส่ของขนาดใหญ่จำนวนหลายกล่องที่ตั่งอยู่มุมหนึ่งภายในห้อง  ข้างในถูกบรรจุไปด้วยข้าวของต่างๆมากมายที่ได้รับมาจากเหล่าแฟนคลับกองเชียร์ทั้งหลายที่เป็นเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น   ยังมีข้าวของเครื่องใช่อีกหลายอย่างที่รอเจ้าของมาจัดสรรลงกล่องเพื่อยกกลับบ้านที่ร้อยเอ็ด 

       

      พอนึกแล้วผมก็อดใจหายไม่ได้ !!!!  ตลอดเวลา 1 ปีกว่า ที่พบได้กับเค้า  ริท  น้องชายของผม  ที่ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าเค้าคือน้องชายที่ผมรักและเป็นห่วงเค้ามากที่สุด  ใช่ว่าคนอื่นๆผมจะไม่รักหรือห่วงใย  ผมรักน้องๆทุกคน  แต่ผมก็ไม่สามารถจะบอกใครๆได้ว่าทำไมผมถึงรักและห่วงริทมากกว่าคนอื่นๆ เพราะตัวผมก็ไม่รู้เหมือนกัน !!!!

       

      ตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอเค้าที่ขอนแก่น  เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ หน้าเอ๋อๆ ใส่เหล็กดัดฟัน แต่งตัวธรรมดาๆ  ในวันนี้จะกลายเป็นน้องชายที่ผมรักและสนิทด้วยมากที่สุด   ผมยังจำถึงวันแรกที่เข้าไปพูดคุยกับเค้าได้ดี  เสียงหัวเราะ  มุขตลกที่ติดจะแป้กของเค้ายังคงอยู่ในหัวผมเสมอ  คนที่มักจะทำให้ผมยิ้มได้กับรอยยิ้มและเรื่องคิดว่ามันฮาแต่ไม่ฮา   แล้วหลังจากนี้ต่อไปหละใครจะคือคนที่ทำให้ผมยิ้มได้อย่างงี้อีก ? ??

       

      ทุกครั้งที่เค้านอยด์หรือเครียดอะไรก็แล้วแต่  ผมจะต้องรีบเข้าไปกอดปลอบเค้าก่อนเสมอ  ให้เค้ารับรู้ได้ถึงความห่วงใยจากพี่ชายอย่างผมว่าพร้อมจะอยู่เคียงข้างเค้าและปกป้องเค้าเสมอ  แล้วต่อจากนี้ถ้าเค้ากลับไป  จะมีใครคอยทำอย่างงี้กับเค้ามั้ย  ผมเป็นห่วงน้อง !!!!

       

      ตอลดเวลาปีกว่าที่ผ่านมา  ถึงผมจะเหนื่อยเพียงใดกับงานต่างๆมากมายที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน  แต่ผมก็ยังยิ้มได้เสมอเมื่อคิดว่าผมทำไปเพื่อใคร แล้วเมื่อกลับห้องไปผมจะได้รับรอยยิ้มและกำลังใจจากน้องชายตัวเล็กของผมเสมอ  แล้วจากนี้ผมจะทำยังไงดี ? ?? คำตอบคือ ผมคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจ  !!!

       

       

       

      แก๊ก ~~ เสียงลูกบิดประตูถูกบิดเปิดออก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่เปิดเข้ามา  ร่างเล็กๆของริทที่หอบข้าวของพะรุงพะรังมากมาย  ทั้งของกินของใช้ของกระจุกกระจิก  เดินเข้ามาก่อนจะวางของทั้งหมดลงแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผมอย่างเช่นเดิม   แค่เพียงรอยยิ้มและแววตาที่มองมาเท่านั้นไม่ต้องมีคำพูดอะไร  เราต่างก็เข้าใจดี  ริทเดินหายเข้าไปยังห้องนอนนานหลายนาทีก่อนจะเดินออกมา

       

      กินข้าวกันพี่โน่

       

      กินข้าว เอาสิ ผมไม่ได้กินข้าวพร้อมน้องมานานเท่าไหรแล้วนะ  วันนี้ได้กินพร้อมกันก่อนที่ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหรที่จะได้ทำ

      แบบนี้!

       

      บรรยากาศทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม  ริทยังคงพูดคุยเล่าเรื่องโน้นนี้ที่เจอมาในวันนี้  ผมได้แต่นั้งฟังแล้วเค้าเล่าอยู่อย่างงั้น  ไม่อยากจะนึกถึงวันที่เค้าต้องกลับเลยจริงๆ ห้องนี้คงเงียบไปถนัดตา !!

       

      หลังกินข้าวกันเสร็จ  ริทยังคงมานั่งเก็บข้าวของตามเดิม โดยมีผมนั่งช่วยเก็บโน้นเก็บนี้ลงกล่องให้ตามที่ริทยื่นมาให้   

       

      รูปนี้ริทเอาตั้งไว้ที่เดิมนะ  พี่โน่จะได้ยังเห็นหน้าริททุกครั้งที่กลับเข้าห้องมา ”  รูปที่ผมถ่ายคู่กับเค้าเมื่อครั้งสุดท้ายที่เราได้ออกรายการบางกอกสเตชั่น รูปที่ผมกับริทนั่งกอดคอกันพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ทุกๆคนถ่ายรูป 

       

      ผมได้แต่ส่งยิ้มไปให้เค้าแล้วพยักหน้ารับ  !!!

       

      พี่โน่เงียบจัง เป็นไรป่าวเนี้ย ”  ริทคงสังเกตเห็นว่าผมเงียบไปจากเคย  ผมเงียบเพราะผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไป  ผมบอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไงกันแน่  เหงา เศร้า ใจหาย เสียใจ  ตามจริงผมควรที่จะดีใจที่น้องจะได้ทำตามความฝันของพ่อแม่ !!! มากกว่าจะเห็นแก่แล้วพูดรั้งให้ริทอยู่ต่อกับผม !!!

       

      หืม ไม่ได้ไปอะไรนิ  คิดมากน๊าเรา ”  เห็นสีหน้าน้องกังวลแล้วผมยิ่งเริ่มใจเสีย  แต่ผมก็คงต้องเข้มแข็งเข้าไว้น้องจะได้ไม่ต้องกังวลหรือคิดมาก

       

      แล้ววันมะรืนนี้ไปไฟล์ไหน ” 

       

      สิบเอ็ดโมง  พี่โน่มีงานมั้ย  ริทอยากให้พี่โน่ไปส่ง ”  น้ำเสียงของริทก็เปล่งออกมา  ทำให้หัวใจของผมก็พยายามจะเข้มแข็งนั้นอ่อนยวบ 

       

      เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรถามพี่ปอให้  วันนี้ดึกแล้ว ”  ผมบอกน้องออกไป  ทำให้ริทยิ้มออกมาได้  แต่ข้างในหัวใจผมสิหล่นวูบ  เพราะผมรู้ดีว่าคงยากที่ผมจะเบี้ยวกองเพราะอะไร ? ??

       

      ข้าวของมากมายถูกจัดลงกล่องเสร็จเรียบร้อย  เหลือเพียงเสื้อผ้าของใช่ส่วนตัวของริท  ห้องที่ตอนนี้มองไปดูโล่งเป็นระเบียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด   แต่ถ้าถามผม  ผมอยากให้ห้องรกเพราะเต็มไปด้วยข้าวของต่างๆทั้งของผมของริทมากกว่า  เพราะนั้นแสดงว่า ริทยังคงอยู่กับผม !!! 

       

       

       

      เฮ้ย ไปนอนเหอะ ดึกแล้วพี่ง่วง  เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปเคลียร์งานที่ตึกแต่เช้าอีกไม่ใช่หรอ ” 

       

      อืม  นอนด้วยดิ ง่วงแล้วเหมือนกัน  ริทไปนอนห้องพี่โน่นะ ” 

       

      อืม ไปดิ ” 

       

      ................................................................

      ...............................................

      .................................

      ....................

      ...........

      .....

      ..

      .

       

      เช้าวันนี้ !!! ผมยังคงต้องไปเคลียร์งานต่างๆที่คงเหลืออยู่ให้เรียบร้อย  ก่อนที่จะต้องจากกลับไปเพื่อทำหน้าที่ของลูกที่ผมควรจะทำเสียที  ผมมองไปยังร่างสูงของพี่โตโน่ที่ยังคงหลับอยู่  หลายวันที่ผ่านมาผมรู้สึกได้ว่าพี่โตโน่รู้สึกอย่างไงกับเรื่องนี้  เพียงแต่พี่โตโน่พยายามทำตัวเองให้ปกติเหมือนไม่มีอะไร   ระยะเวลา 1 ปีกว่าที่เราได้รู้จัก  มีเรื่องราวมากมายที่ให้ผมได้จดจำ  ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆจนมันมากกว่าที่จะเปรียบกับอะไร  ทุกการดูแล  ทุกความห่วงใย ทุกการเอาใจใส่ที่เรามีให้แก่กัน  มันทำให้ผมใจหายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเราต้องห่างกัน 

       

      ใครจะคอยดูแลพี่โตโน่เวลาที่เกิดไม่สบาย  ใครจะนั่งคอยเวลาที่พี่โตโน่กลับห้องมาดึกๆ ? ใครจะค่อยเรียกค่อยเตือนให้พี่โตโน่ทานอาหารให้ตรงเวลา ? ใครจะคอยอยู่เป็นเพื่อนพี่โตโน่เมื่อเจออะไรก็ตามที่หน้ากลัว ? พี่โตโน่จะอยู่ได้ใช่มั้ย ?

       

      แล้วพี่โตโน่จะไม่ลืมริทใช่มั้ย !!!!!!  พี่โตโน่จะยังรักริทเหมือนเดิมใช่มั้ย !!!!!! ถ้าเราต้องห่างกัน

       

      ผมตัดสินใจลุกไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย  พร้อมทั้งเขียนโน้ตทิ้งไว้  โดยไม่ปลุกเพื่อให้พี่โตโน่ได้พักผ่อนแบบเต็มที่บ้าง

       

      ริทออกไปทำงานนะพี่โน่  รอริทด้วยนะ  ริทจะกลับมากินข้าวเย็นกับพี่โน่

                                                                                                      

                                                                                                                                                                      ริท

       

      วันนี้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ถึงจะเป็นการทำงานที่เหนื่อยและหนักกว่าที่ผ่านๆมา  แต่ผมเต็มใจและพร้อมที่จะทำมัน  เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ผมจะได้ทำอย่างนี้อีก  พี่ๆทีมงานทุกคนต่างก็มีของให้ผมเป็นที่ระลึกคนละนิดละหน่อย  ถึงแม้จะไม่มีราคาอะไร  แต่มันคือคุณค่าทางจิตใจทั้งนั้น  รวมทั้งกลุ่มแฟนคลับที่มากมายมาร่วมตัวกันเพื่อรอเจอผม  ผมทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้เห็นได้รับรู้สิ่งต่างๆที่เค้าเตรียมมาทำให้ผม  เสียงเพลงก็ประสานกันร้องออกมาจากทุกคนมันชัดเจอยู่ในหัวผมเสมอ  น้ำตาที่มันเอ่อคลอขึ้นมาอย่างสุดที่จะกั้น  ไม่ได้อยากร้องไห้ออกมาเพราะไม่อยากที่จะต้องเห็นพวกเค้าร้องไห้ตาม  แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ  ผมพยามยามกวาดสายตาไปให้ทั่วเพื่อขอบคุณทุกความรักที่เค้ามีให้ผม  ผมรับรู้ได้และผมก็อยากให้เค้ารับรู้เหมือนกันว่าผมก็เรารักพวกเค้ามากเช่นกัน  พวกเค้าคือคนสำคัญของผม !!!!

       

      บานประตูห้องที่ถูกเปิดออกจากใครคนนึงในห้องหลังจากผมเคาะประตู  ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มถูกส่งตรงมาทันที

      พร้อมทั้งช่วยถือของมากมายที่ผมหอบกลับมา 

       

      โต๊ะกินข้าวที่มีอาหารวางอยู่สองสามอย่าง  ล้วนแต่เป็นของที่ผมชอบทั้งนั้น  พี่โตโน่รอผมกินข้าว !!!!  

       

      ระหว่างกินผมยังคงทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม  เพราะไม่อยากให้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนไป  อยากให้พี่โตโน่รู้สึกว่ายังมีผมอยู่เสมอ  แล้วเหมือนพี่โตโน่เองก็พยายามจะให้มันเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน  แต่ผมรู้ว่าข้างในพี่โตโน่คงรู้สึกใจหายเมื่อแววตากับท่าทางคำพูดมันสวนทางกัน

       

      เสื้อผ้ามากมายของผมถูกพับเก็บใส่กระเป๋า  คราวของจำเป็นบางอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย เพื่อความสะดวกในวันพรุ่งนี้ 

       

      ริทแล้วเสื้อผ้าพวกนี้หละ จะเก็บใส่เป๋าไหน พี่โตโน่หันมาถามเมื่อเห็นเสื้อผ้าบางส่วนที่ผมมักจะใส่อยู่ห้องเป็นประจำ

       

      ไม่ต้องเก็บ เอาไว้ที่นี้แหละ  ริทกลับมาริทจะได้มีเสื้อผ้าใส่ ผมไม่รู้ว่าที่ทำไปมันถูกมั้ย  ผมแค่อยากให้เวลาที่พี่โตโน่เปิดตู้เสื้อผ้ามาเจอเสื้อผ้าของผม พี่โตโน่จะได้ยังรู้สึกว่ายังมีผมอยู่ด้วยเสมอ  แต่ผมไม่รู้ว่านั้นจะยิ่งทำให้พี่โตโน่ทรมานหรือเปล่า

       

      ของทุกอย่างที่ผมจะนำกลับถูกนำมาว่างรวมเอาไว้ที่บริเวณห้องนั่งเล่นข้างนอก  ผมยืนสำรวจไปยังทุกๆที่รอบห้อง  ที่มีภาพเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น  เพื่อจะจำเอาไว้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตกับใครอีกคน  พี่โตโน่เดินออกมาแตะที่แขนของผมแล้วพูดบางอย่างออกมา

       

      ใจหายเนอะ  ทำไมเวลาดีๆแบบนี้มันถึงหมดลงเร็วก็ไม่รู้ ”  เห็นครั้งแรกที่พี่โตโน่เอ่ยถึงเรื่องที่คงอยู่ในใจมาหลายวัน

       

      นั้นสิ ทำไมเวลาปีเดียวถึงผ่านไปเร็วก็ไม่รู้  แต่ริทรู้ว่าเวลาที่ผ่านที่ริทได้รู้จักกับพี่โตโน่  เป็นช่วงเวลาที่ริทมีความสุขมากเท่าริทเคยมี  ขอบคุณที่ดูแลริท ห่วงใยริท และเอาใจใส่ริทมาโดยตลอด  ขอบคุณที่เป็นพี่ชายที่แสนดีของริท ”  นี้คือสิ่งที่ผมอยากจะให้พี่โตโน่ได้รับรู้ 

       

      พี่ก็ขอบคุณริทที่เหมือนกัน  ขอบคุณที่ดูแลพี่  ห่วงใยพี่  และเอาใจใส่พี่  ขอบคุณที่เป็นน้องชายที่แสนดีของพี่ตลอดมา

      พี่โตโน่ดึงผมเข้าไปกอดจนแน่น  อย่างทีพี่โตโน่มักจะทำเป็นประจำกับผม แล้วผมก็รู้สึกได้ว่าอ้อมกอดของพี่โตโน่อบอุ่นเสมอ !

       

        พี่โตโน่อย่าลืมริทนะ ”  คำพูดที่สั่นเครือของผมหลุดออกไป พร้อมกับน้ำใสที่ค่อยๆไหลลงมาบนแก้ม

       

      ริทรู้เอาไว้นะ  พี่ไม่มีวันทิ้งน้องชายของพี่แน่นอน !! ริทคือน้องชายที่พี่รักมาก จำเอาไว้นะ พี่รักริทมากนะ!!! ”  น้ำเสียงหนักแน่เป็นเหมือนสัญญาของพี่โตโน่  น้ำเสียงที่มาพร้อมน้ำตาของลูกผู้ชายที่ผมแทบไม่เคยได้เห็น

       

      ริทก็รักพี่โตโน่  รักมากเหมือนกัน ผมย้ำคำลงไปให้หนักแน่น  เพื่อให้พี่โตโน่รู้............

       

      ......................................

      .........................

      ...............

      ........

      ....

      ..

      .

       

      นาฬิกาเดินเพื่อบอกเวลา  เวลาที่ผมรู้ว่าจะต้องห่างไกลกับน้องชายของผมเสียแล้ว  พ่อกับแม่ของริทก็มาถึงห้องตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อรับลูกชายคนกลางกลับบ้านไปทำตามความฝันที่ได้วาดไว้  ข้าวของต่างๆที่วางไว้ถูกทยอยนำไปใส่รถตู้ที่ทางบริษัทจัดเตรียมเอาไว้ให้   เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น  เหลือเพียงผมกับริทอยู่ในเพียงลำพัง 

       

      พี่โตโน่ ไม่ไปส่งริทที่สนามบิน ?  ”  น้ำเสียงที่ผมรู้ได้เลยว่าริทคงเสียใจเมื่อผมตัดสินใจบอกริทว่าจะส่งเค้าเพียงแค่หน้าห้องนี้เท่านั้น

       

      ส่งตรงนี้ดีกว่า  พี่จะได้รู้สึกว่า  ริทแค่ออกไปทำงาน  เดี๋ยวริทก็กลับมา  ”  ผมพยายามใจแข็งและควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น

       

      ริทเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา  ก่อนที่จะเดินเข้ามากอดผมเอาไว้แน่นเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งที่กลัวพี่ชายจะหายไปไหน  ผมกอดตอบริทเพื่อให้ริทได้รู้ว่าผมจะยังอยู่กับเค้าเสมอไม่ไปให้  ไม่ว่าเมื่อไรที่ริทหันกลับมา ริทจะยังมีผมเสมอ !!!!

       

        ริทไปนะ  พี่โน่รอริทกลับมานะ มากินข้าวด้วยกันนะ  มานั่งดูทีวีด้วยกัน มาทำโน้นนี้ด้วยกันที่นี้อีกนะ

       

      พี่สัญญา  พี่จะรอริทกลับมา  กลับมากินข้าวกับพี่ มานั่งดูทีวี  มาทำโน้นที่นี้ที่นี้นะ  พี่สัญญา ” 

       

      แผ่นหลังที่ผ่านพ้นประตูออก  ทำให้ผมถึงกับหัวใจวูบสั่นขึ้นมา  น้ำตาที่กั้นเอาไว้พังทลายเป็นสายลงมาอาบแก้ม  มองไปทางไหนที่ดูช่างอ้างว้าง ว่างเปล่าไปซะหมด  เมื่อไม่มีใครบางคนอยู่  เหงาเหมือนกันเนอะ !!!!  ผมนั่งปล่อยให้อารมณ์พาไปอยู่พักใหญ่ก่อนจะหยิบเอามือถือขึ้นมา  พิมพ์ข้อความกดส่งไปถึงใครบางคนที่เพิ่งเดินออกไปจากห้อง

       

      พี่จะรอริทกลับมานะ  ไม่ว่าจะนานแค่ไหน  ดูแลตัวเองดีดีด้วย  พี่รักริทมากนะ

                                                                     

                                                                                               พี่โตโน่

       

      ครับ !!!! ผมจะรอ  รอวันที่จะได้ภาคภูมิใจในตัวเค้า   จะรอน้องวันที่น้องชายผมกลับมา  นายแพทย์ เรืองฤทธิ์  ศิริพานิช !!!!

       

       


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×